Beauty Innovation

การทำ dermolift คืออะไร

คำถาม

การทำ dermolift คืออะไร แตกต่างจากการฉีดโบท๊อกซ์ไหมค๊ะ และเมืี่อผลการฉีดหมดลงใบหน้าจะกลับมามีริ้วรอยเพิ่มขึ้นจากตอนก่อนฉีดไหม ต้องฉีดเรื่อยๆ เพื่อให้ผิวตึงกระชับจะมีผลเสียไหมคะ ทำครั้งหนึ่งสวยได้นานไหม หลังทำต้องดูแลอย่างไร

การทำ DermoLift คืออะไร

การทำ Dermolift เป็นการดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดชนิดหนึ่ง ประเภทที่ทางการแพทย์เรียกว่า Non-Surgical Face Lift. กระทำโดย การฉีดยากลุ่ม Botulinum Toxin TypeA (Type อื่น เช่น Type B อาจทำได้เหมือนกัน) เข้าไปในชั้นผิวหนังแท้ ถ้าฉีดไปในหนังแท้ชั้นบนจะ เห็นผลผิวหนังหดตังเต่งตึงได้เร็วตั้งแต่เริ่มๆฉีดเช่นภายใน10นาที ถ้าฉีด ในชั้นลึก ผลเห็นผิวหนังหดตัวเต่งตึงช้ากว่า แต่ผลจะอยู่นานกว่า

ต่างจากการฉีดโบท๊อกซ์อย่างไร

ถึงแม้จะเป็นการใช้ยากลุ่ม Botulinum Toxin Type A (BTA) เหมือนกันแต่ต่างกันมากพอสมควร
1. ส่วนผสม จะแตกต่างจาก การฉีดแบบโบท๊อกซ์ เพื่อให้เกิดการ กระจายของยาไปสู่เซลล์ของหนังแท้ ส่วนผสมของDermoLift ขึ้นอยู่กับ สูตรการผสมของแต่ละสถาบัน ส่วนผสมยาของโบท๊อกซ์ค่อนข้างเหมือนกัน คือ 100ยูนิตต่อ น้ำเกลือ2.5ซีซี
2. วิธีการฉีด โบท็อกซ์ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ส่วนDermolift เป็นการฉีด เข้าผิวหนังชั้นหนังแท้
3. การออกฤทธิ์ สำหรับการฉีดแบบโบท๊อกซ์ จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เพื่อยับยั้ง
การหลั่งสารนำประสาทที่เรียกว่าอะเซ็ตไตล์โฆลีนที่ทำให้ กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อไม่มีสารตัวนี้กลเามเนื้อจึงคลายตัว ถ้าฉีดรอยตีนกา ตีนกาก็ลดลง ฉีดรอยย่นที่หน้าผาก รอยย่นก็จางลงหากฉีดกราม หน้า ก็เรียวลงเป็นต้น การฉีดแบบโบท๊อกซ์นี้ อาจเกิดปัญหาเรื่องหนังตาตก คิ้วตก คิ้วโก่ง ปากเบี้ยวได้

ส่วนการฉีดแบบ Dermolift ซึ่งเป็นการฉีดเข้าไปในชั้นหนังแท้นั้นมีกลไก ออกฤทธิ์ อยู่ 2 ระยะ

ระยะที่เกิดขึ้นทันที หลังจากฉีดประมาณ 10-20 นาที ผิวหนังจะ หดตัวทันที ทำให้ใบหน้าบริเวณที่ฉีดเต่งตึงขึ้น ผิวหนังบริเวณที่ฉีดจะบวม ขึ้นเล็กน้อย ส่วนผิวหนังที่อยู่ระหว่างจัดที่ฉีดจะถูกดึงให้ยุบลง
ที่เป็นเช่นนี้ มีผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายว่า เซลล์ในชั้นหนังแท้นั้น ในส่วน ของไซโตพลาสซึ่มของเซลล์มีส่วนของเส้นใยเล็กๆที่เรียกว่า ไมโครฟิลาเมนต์ Microfilament เป็นเส้นใยเล็กๆที่สานกันเพื่อทำให้เซลล์มีรูปร่างขึ้น ซึ่งเซลล์ของผิวหนังเป็นเซลล์รูปสี่เหลี่ยมsquamous cell ตอนเด็กๆ หนุ่มๆ สาวๆ micro filament ก็จะค้ำยันเหมือนเสาบ้านทำให้เซลล์ทรง รูปสี่เหลี่ยมตั้งสูง ผิวดูเต่งตึง พออายุมากขึ้น ไมโครฟิลาเมนต์ยืดและล้ม เอียงลง รูปทรงของเซลล์ก็ล้มเหมือนเสาบ้านเอียงล้มลง ผิวหนังจึง ยืดยาน เขาเรียกระบบโครงสร้างของเซลล์นี้ว่า Cycloskeletal structure ไซโคลสเคเลตัล สตรัคเจอร์ ครับ
เมื่อฉีดยา BTA เข้าไปในชั้นหนังแท้ จะทำให้ไมโครฟิลาเมนต์หดตัว ค้ำยัยให้รูปร่างของเซลล์ที่ล้มนี้ตั้งขึ้น ผิวจึงดูเต่งตึงขึ้น อันนี้เกิดขึ้นทันที เป็น immediate reaction. เราใช้ปรากฎการณ์อันนี้มาเป็น marker ที่จะ ปรับรูปร่างของส่วนต่างๆของใบหน้าว่าเข้าที่สวยตามต้องการหรือยัง หลังจากนั้น ก็จะค่อยๆคลายตัวลง ต่อจากนั้นประมาณสองสัปดาห์จะเริ่ม เข้าสู่ระยะที่สอง
ระยะยาว บางคนเรียกว่าระยะDelayed Effect เป็นระยะที่ยาไป กระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังให้สร้างคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวหนังแข็งแรง อีลาสติน ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและแมตตริก ทำใหผิวหนังมีน้ำมีนวลหนาตัวขึ้น ระยะนี้จะสร้างอยู่ถึง4เดือน หลังจากนี้ถ้าฉีดอีกครั้งผิวจะหนาขึ้นอีกทำให้ ชะลอการฉีดครั้งต่อไปได้อีก6-12เดือน ประสบการณ์การฉีดDermolift ร่วม กับการฉีดโบท็อกซ์ในบางตำแหน่ง แล้วแต่ข้อบ่งชี้นี้ได้ผลดี ผลข้างเคียงน้อย และอยู่นานกว่าการฉีดเข้ากล้ามอย่างเดียว หรือฉีดเข้าผิวหนังอย่างเดียว จำนวนของยาในแต่ละตำแหน่ง จำนวนจุดที่จะฉีด ตำแหน่งที่จะฉีด ความลึก ในแต่ละตำแหน่งที่จะฉีด มีผลต่อผลของการฉีดเป็นอย่างมาก ความเชี่ยวชาญ ของแพทย์ผู้ฉีดจึงมีผลต่อผลลัพท์ของการฉีดอย่างมาก

เราใช้หลักการนี้มาปรับรูปหน้าในรายละเอียดได้ เช่น ทำให้ หน้าผากดูกว้างโหนกนูน คิ้วสูงขึ้น ตาดูเปิดกว้าง โหนกแก้มที่สูงดู เรียบขึ้น หน้าเรียว คางแหลมขึ้นเป็นต้น และยังสามารถใช้ปรับ รูปร่างส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่นหน้าอกก้น น่องเป็นต้น โอกาสที่ จะมีคิ้วตกปากเปี้ยว คิ้วโก่ง น้อยมากเมื่อเทียบกับการฉีดเข้ากล้าม แบบโบท๊อกซ์ที่เกิดผลข้างเคียงดังกล่าวเนื่องจากยาไหลเข้าไปในชั้น กล้ามเนื้อ ที่เป็นไปได้น้อยเพราะฉีดแต่ละจุดใช้ยาน้อยมากประมาณ 0.05 iu. ส่วนการฉีดแบบโบท๊อกซ์ใช้ยาจุดละ 1-10 iu

ระยะยาว เกิดขึ้นหลังการฉีดแบบ Dermolift

4. ระยะเวลาของผลการฉีด การฉีดเข้ากล้ามแบบโบท๊อกซ์ ผลการคลายตัวของกล้ามเนื้อ อยู่นานประมาณ 3-4 เดือน ส่วนการฉีดแบบ Dermolift ผลอยู่นาน ในครั้งแรกประมาณ 4-6 เดือน ครั้งที่สอง ประมาณ 6-12 เดือน อย่างน้อยควรฉีดซ้ำสัก 6-12 เดือนครั้งเพื่อทำให้ใบหน้าดูเป็น หนุ่มสาวอยู่เสมอ แต่ละปีที่ผ่านไป จะรู้สึกว่าดูหนุ่มขึ้นกว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันที่ไม่ได้ฉีดแบบนี้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และให้ได้ความสวยงามที่สุด ในปัจจุบันจึงใช้วิธีฉีดแบบ Dermolift และใช้ฉีดเข้ากล้ามในบาง ตำแหน่งเท่านั้น ส่วนจะทำอย่างไร เป็นศิลปะของแพทย์แต่ละท่านครับ คนไม่ใช่แพทย์ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี ไม่น่าจะทำได้นะครับ และอาจมีอันตราย>

คำถามที่ว่า เมื่อผลการฉีดหมดลงแล้วริ้วรอยจะแย่กว่าตอนก่อนฉีดไหม

ผิวหนังปกติก็จะเสื่อมยืดหย่อนตามกาลเวลาอยู่แล้วเหมือน สิ่งมีชีวิตทั่วๆ ไป แต่การฉีด Dermolift ทำให้ผิวหนังเยาว์วัย หดตัวหนาขึ้นกว่าเดิม ยานั้นใช้เพียงกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ เปลี่ยนแปลงเท่านั้น หลังจากสองสัปดาห์ยาก็สลายไปแล้ว ที่เหลือ เป็นกระบวนการสร้างของผิวหนังตามธรรมชาติ เมื่อสร้างเสร็จก็ เข้ากระบวนการเสื่อมตามปกติ ยกตัวอย่างเช่นเดิมผิวหนังยืดยาว 10 ซม. หลังขากฉีด Dermolift ผิวหนังหดมาเหลือ 6 ซม. พอ 1 ปี 2 ปี 3 ปีผ่านไปผิวหนังก็จะยืดออกเช่นปีละ 1 ซม. ผิวก็ จะยาวยืดเป็น 7 ซม. 8 ซม. 9 ซม. ไปเรื่อยๆเป็นต้น ส่วนคน ไม่ได้ทำอะไรกับผิวหนัง เดิมยาว 10 ซม. ปีต่อไปก็จะยืดยาวเป็น 11 ซม. 12 ซม. 13 ซม. เป็นต้น นี่เป็นตัวอย่างเท่านั้นนะครับ

ต้องฉีดเรื่อยๆ เพื่อทำใหผิวหนังเต่งตึงอยู่เสมอไหม

ก็เหมือนอะไรๆ ในชีวิตของเรานั่นแหละครับ เราต้องเอา รถยนต์เข้าอู่ซ่อมแซมเป็นระยะๆ เราต้องไปตัดผม เสริมสวยเป็น ระยะๆ เราต้องออกกำลังกาย ไปตรวจเช็คสุขภาพเป็นระยะๆ ฯลฯ อีกเป็นอันมากในชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้นเพื่อให้ผิวเต่งตึงเยาว์วัย อยู่เสมอควรฉีด Dermolift ปีละครั้ง

ผลเสียของการฉีด

หากฉีดถูกวิธีโดยแพทย์ผู้ชำนาญ โอกาสจะเกิดปัญหาเช่น ตาตก คิ้วตก ปากเบี้ยว หน้าไม่เท่ากัน จะพบน้อย ซึ่งหายได้เองหลังฉีด 2-3 เดือน หากเกิดอาการเหล่านี้อาจมีการฉีดแก้ได้ แต่รอให้หายเอง น่าจะดีกว่า บางทียิ่งแก้ยิ่งแย่ ส่วนเลย 3 เดือนไม่หาย ไม่น่าเกิดจากยา แล้วนะครับ เพราะยาหมดฤทธิ์ไปแล้ว อย่าไปโทษคุณหมอเขาเลย ต้องสำรวจโรคประจำตัวของตนเองเช่น เส้นเลือดตีบตันในสมองทำให้ กล้ามเนื้อหน้าด้านหนึ่งอ่อนแรง คิ้วตกตาตกปากเบี้ยว หรืออาจเกิดจาก โรคอื่น เช่นBell’s Palsy หรืออาจเกิดจากฟันไม่สบกันดีหน้าจึงไม่เท่ากัน อะไรทำนองนี้ หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองหน้าไม่เท่ากัน เริ่มสำรวจความเท่ากัน ของใบหน้าตนเองนะครับ โดยเฉพาะคนอายุ40ขึ้นไปนะครับ

การดูแลหลังการฉีด Dermolift

1. บำรุงผิว ด้วยมอสเจอไรเซอร์ กันแดด
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ3วัน
3. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พอเพียง
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
5. อารมณ์แจ่มใส มีสมาธิ
6. จิตใจดี มีความสุข

นพ.สถาพร จินารัตน์ (Director)

Renovia-ABLS Training Center for
The American Board of Laser Surgery in AEC
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 26 ถนนลาดพร้าว ซอย 41 (ภาวนา) : โทร. 02-102-3124
สาขาเชียงใหม่ : นิ่มเดลี่ซิตี้ (ชั้น 2) : โทร. 053-271-688
สาขา Central Festival Phuket East (ชั้น 1) : โทร. 092-275-9422
e-mail : jstaporn@yahoo.com
Website : www.renoviaclinics.com