Beauty Innovation

คำถามที่ว่า สิวอุดตัวและสิวอักเสบ รักษาอย่างไร และยาช่วยลดหน้ามัน มีผลเสียอย่างไร?

คำถาม

ลูกสาวเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบประปราย สิวกระจายรอบกรอบหน้า เยอะไปหมด ทราบว่าสิวอุดตันต้องเอาออกใจะไม่หาย มีวิธีรักษาสิวอุดตัน และอักเสบอย่างไร ถ้ากดสิวจและต้องทานยาหรือเปล่าคะ ถ้าต้องทานจะมีผลเสียอย่าง(ยาช่วยลดหน้ามัน) เห็นเพื่อนลูกสาวทาน จากหน้าเป็นสิวเต็มไปหมด หน้าดีขึ้นมาก เลยค่ะ ทำอย่างไรเพื่อ ไม่ให้สิวใหม่ขึ้นมาอีก รออ่านคำตอบ

จาก แม่ผู้ร้อนใจ

สิว คือ

การอักเสบของหน่วยรูขุมขนและต่อมไขมัน (pilosebaceous unit) โดยมักเป็นบริเวณใบหน้า คอ และลำตัวส่วนบน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่หนาแน่น มักพบในวัยรุ่น แต่บางคนอาจจะเป็นๆ หายๆ จนอายุเลย40 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดสิว เช่น พันธุกรรม ระบบฮอร์โมน สิ่งแวดล้อม ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การแพ้เครื่องสำอาง ฯลฯ
ซึ่ง สิว จะแบ่งออกเป็น สิวไม่อักเสบ และสิวอักเสบ
สิวไม่อักเสบ คือ สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เรียกว่า comedone
สิวอักเสบ ได้แก่ ตุ่มสีแดงขนาดเล็ก (papules) ตุ่มหนอง (pustule)
ก้อนสีแดงภายในมีหนองปนเลือด (nodule cyst) เมื่อสิวหายอาจ จะเหลือร่องรอยได้หลายแบบ ได้แก่ รอยแดง รอยดำ หลุมแผลเป็น และ แผลเป็นนูน
การรักษา อันดับแรก ควรจะหาสาเหตุ ที่ทำให้เกิดสิว ว่ามีปัจจัย ภายนอกอื่นๆ หรือไม่ เช่น เครื่องสำอาง, รองพื้น, BB ceam, สิ่งที่ทำให้ เกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งการรักษา โดยการใช้ยา มีทั้งแบบยาทา และยารับประทาน ยามีหลายชนิด การเลือกใช้ยาขึ้นอยู่กับความรุนแรง ของสิว ว่าเป็นแบบรุนแรงขนาดไหน สิวเล็กน้อย (mild acne) สิวปาน กลาง (moderate acne) สิวอักเสบ (severe acne)
Standard treatment รักษาตามความรุนแรงของสิว แบบมาตรฐาน
Mild Acne คือ มีหัวสิวไม่อักเสบเป็นส่วนใหญ่ จำนวนไม่มาก หรือ มีสิวอักเสบ ขนาดเล็กร่วมด้วยจำนวนน้อย
การรักษาจะใช้เฉพาะยาทา ได้แก่ Benzoyl peroxide 2.5%-5%
Retinoic acid 0.01%-0.05% Clindamycin 1% solution Erythromycin 2%-4% solution หรือ gel Sulfur, Resorcinol ไม่ควรใช้ Clindamycin หรือ Erythromycin ทาอย่างเดียว เพราะ มีความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อดื้อยาควรใช้ร่วมกับ Benzoyl peroxide
Moderate Acne คือ มีตุ่มแดงนูน(papule) และ ตุ่มหนอง (pustule) ขนาดเล็ก จำนวนมาก มีnodule จำนวนน้อย การรักษาจะใช้ยาทา (ดังกล่าวแล้ว ใน mild acne) ร่วมกับยารับประทานคือ Tetracycline วันละ 500-1000 mg ในกรณีที่แพ้ Tetracycline ให้ใช้ Erythromycin 1000 mg/day ระยะเวลาของการใช้ยา ประมาณ 6-8 สัปดาห์ Severe Acne คือ มี papule และ pustule มากมาย มีตุ่มสิว (nodule) หรือถุงน้ำ (cyst) เป็นจำนวนมาก หรือมี nodule อักเสบอยู่นานและ กลับเป็นซ้ำ หรือมีหนองไหล ส่วนใหญ่หายแล้วมักเกิดแผลเป็น
ในคนที่มีสิวแบบรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคในการใช้ยา ยาที่ใช้ ได้แก่ Isotretinoin (13-cis-retinoic acid) คุณสมบัติของยาตัวนี้ คือจะช่วยลดขนาดของต่อมไขมัน ลดการผลิตไขมัน และลดการหนาตัวของ ผิวหนังชั้นนอกสุด(S.corneum) ที่บริเวณรูขุมขน ปริมาณไขมันที่ลดลงจะ ทำให้ภาวะแวดล้อมในรูขนเปลี่ยนไปและทำให้ปริมาณ เชื้อสิว P.acne จึงลดลงด้วย นอกจากนั้นยังช่วยให้การอักเสบของผิวลดลง แต่ควรใช้ใน กรณีที่เป็นสิวอักเสบมาก แบบรุนแรง และรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล (nodular inflammatory acne) เนื่องจากมีผลค้างเคียงค่อนข้างมาก ดังนี้
•ผิวแห้ง อาจทำให้ผิวแห้งมาก จนอาจลอกได้
•ปากแห้ง มักพบในทุกราย โดยเฉพาะรายที่ทานยาใน dose สูงควรทา Petroleum Jelly บ่อยๆ
•ตาแห้ง ระหว่างการใช้ยานี้ควรงดใช้ contact lens เนื่องจากจะ ทำให้ กระจกตาขุ่น และผลข้างเคียงอื่นๆ ที่พบได้ เช่น ข้ออักเสบ ผมร่วง ซึมเศร้า ทำให้หยุดสูง เป็นต้น จึงไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 18ปี
ข้อควรระวังคือ ห้ามใช้ยากับสตรีมีครรภ์ เพราะอาจมีผลต่อบุตรใน ครรภ์ถึงขั้นพิการได้ และผู้ใช้ยานี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ส่วนผลเสียในระยะยาวของการใช้ยานี้ คือ มีผลต่อตับ จึงควรเจาะ เลือดตรวจ ดูการทำงานของตับ (Liver Function Test), Lipid profile, cholesterol, triglycerides และ ระดับน้ำตาลในเลือด (blood sugar) ก่อนรับประทานยา และทุกๆ 3 เดือน
ทางเลือกอื่นสำหรับการรักษา 1. Alternative treatment ใช้ในรายที่ใช้ยามาตรฐานแล้วไม่ได้ผล ซึ่งควรพิจารณาเมื่อ รักษาผู้ป่วยติดต่อกันไปแล้ว 4-6 สัปดาห์ขึ้น ไปหรือ เมื่อผู้ป่วย เกิดการแพ้ยามาตรฐาน
1.1 ยาทา ได้แก่ : Synthetic Retinoid (adapalene, tazarotene, isotretinoin) มีฤทธิ์ในการละลาย comedone
: 20% Azelaic acid (Skinoren®) มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และละลาย comedone
1.2 ยารับประทาน ได้แก่
: ยาปฏิชีวนะ ได้แก่ Trimethoprim-Sulfamethoxazole(Bactrim®) หรือ Amoxycillin ใช้ในรายที่เป็น Gram Negative Folliculitis Doxycycline 100-200mg/d หรือ Minocycline 50-100mg/d ใช้ในรายที่ใช้ Tetracycline แล้วไม่ได้ผล
: ยาประเภท ฮอร์โมน ได้แก่ Low dose estrogen plus cyproterone acetate ใช้ได้เฉพาะผู้ป่วยหญิง หรือรักษา ด้วย วิธีมาตรฐานแล้วไม่ได้ผลการรักษาต่อไปนี้ควรใช้โดยผ้เชี่ยวชาญ
: Systemic Corticosteroid ใช้ในรายที่เป็นเยอะมาก severe nodular acne ใช้ขนาดต่ำๆ ในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจจะทำให้เชื้อสิวดื้อยาได้
ระยะเวลาในการรักษานั้น อาจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ จนถึงหลาย เดือนและสิวบางชนิด เมื่อหายแล้ว อาจจะเป็นซ้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุของสิว
อีกทางเลือกหนึ่งของการรักษา สิว ก็คือ Laser and light Therapy ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใช้ในการรักษาสิว ซึ่งทำให้การ ตอบสนองดีและหายเร็วมากยิ่งขึ้น เช่น เลเซอร์ pulsed dye laser (585,595 nm), เลเซอร์สีเหลืองที่มีความยาวคลื่น 578 nm Diode laser (Quadrostar ProYellow), Erbium YAG laser (1450 nm) โดยมีกลไก ในการลดสิวอักเสบ, ลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน (sebum production), ฆ่าเชื้อสิว P.acne
อีกวิธีหนึ่งสำหรับทางเลือกในการรักษาก็คือ การใช้แสงในการรักษา ( photodynamic Therapy) ก่อนการฉายแสง จะมีการทายา ALA(Amino-Levolunic acid) เพราะ ALA ตัวยาจไปจับกับตัวรับแสงใต้ผิวหนัง ซึ่งได้แก่ ต่อมไขมัน ต่อมขน สิวอักเสบ เชื้อแบคทีเรียสิว เมื่อ ALA ทำ ปฏิกิริยากับแสงจะเกิดปฎิกิริยา Photodynamic มีอนุมูลอิสระไปทำลาย ผนังเซลล์ ของเชื้อแบคทีเรียสิว และต่อมไขมันซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว
ข้อปฎิบัติตัว คือ หลีกเลี่ยงการบีบแกะสิว ข้อนี้สำคัญมาก เพราะ การบีบ หรือการแกะสิวจะทำให้สิวอักเสบมากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการนวดหรือ การขัดหน้าขณะที่มีสิว การใช้สบู่สครับหน้า เพราะจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น
คำถามที่ว่า ถ้ากดสิวจะเป็นแผลไหมคะ ?
ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ว่ามีกระบวนการสมานแผล (wound healing) ดีหรือไม่ ช้ำง่ายหรือไม่ เนื่องจากบางคน ถ้ากดสิวแรงเกินไปจะ ทำให้เกิดรอยแดง และรอยแดงก็จะกลายเป็นรอยดำในที่สุด
ข้อดีของการกดสิว คือเป็นการเอาสิวอุดตันออก เพื่อที่จะป้องกัน ไม่ให้สิวอุดตัน กลายเป็นสิวอักเสบ แต่ที่สำคัญคือ ห้ามแกะ ห้ามบีบ ห้ามรบกวนสิว ซึ่งนั่นคือสาเหตุที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้เกิดเป็นรอยแผล เป็น สีดำ แนะนำว่าควรจะรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้เป็นเยอะ เนื่องจากในบางราย สิวอักเสบ และเชื้อสิว P.acne จะทำให้เกิดผังผืด ที่ผิวหนัง และเกิดเป็นหลุมสิวในที่สุด
นพ.สถาพร จินารัตน์ (Director) พญ.ธีรารักษ์ สิทธิชัยวิเศษ (Clinic Director)
Renovia-ABLS Training Center for The American Board of Laser Surgery in AEC
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 26 ถนนลาดพร้าว ซอย 41 (ภาวนา) : โทร. 02-102-3124
สาขาเชียงใหม่ : นิ่มเดลี่ซิตี้ (ชั้น 2) : โทร. 053-271-688
Central Festival Phuket East (ชั้น 1) : โทร. 092-275-9422
E-mail : jstaporn@yahoo.com
Website : www.renoviaclinics.com