การดึงหน้าโดยไม่มีแผลผ่าตัด ด้วยไหม SSC
https://youtu.be/9eCdJbyTJTc
หลักการของการร้อยไหม(Thread Lift)
คนเราต้องการดูเป็นหนุ่มสาวตลอดกาล
คนเราต้องการดูเป็นหนุ่มสาวอยู่ตลอดไป จำเป็นต้องต่อสู้กับกาลเวลา วิธีเดิมๆคือ ใช้การผ่าตัดดึงหน้า(Face Lift Surgery) แต่การผ่าตัดนอกจากจะเจ็บตัวมากแล้ว ค่าใช้จ่ายยังมากอีกด้วย อีกทั้งยังเสียเวลา ต้องนอนโรงพยาบาล มีแผลเป็นอยู่นาน และบางครั้งอาจมีปัญหาข้างเคียงจากการดมยา และการผ่าตัดใหญ่ได้
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ จึงมีความพยายามที่จะพัฒนาวิธีการดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด (Non-Surgical Face Lift) โดยใช้การฉีด การร้อยไหม
Surgical Face Lift vs. Non-Surgical Face Lift ดึงหน้าแบบผ่าตัดกับแบบไม่ต้องผ่าตัด
หลักการของการผ่าตัดดึงหน้า (Surgical Face Lift) คือการตัดและเย็บกล้ามเนื้อ พังผืด SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) และผิวหนังที่ยืดให้สั้นลง หน้าก็จะตึงขึ้น
ส่วนการทำ Non-Surgical Face Lift ด้วยไหม เป็นการร้อยถักทอ เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Tissue) กับหนังแท้ (Dermis) เมื่อแผลหาย เกิดพังผืด หดตัวรัดผิวหนัง ผิวหน้าจึงดูเต่งตึง อย่าลืมว่ามีพังผืดตลอดบริเวณที่มีไหม ส่วนการผ่าตัดดึงหน้าก็มีพังผืดบริเวณที่ผ่าตัด รอยแผลผ่าตัด เพราะกระบวนการหายของแผลทำให้เกิดพังผืด (Wound Healing Process)
Suture Suspension Thread Lift การร้อยไหมแบบผูกยึด
เป็นการใช้ไหมและเครื่องมือร้อยไหมพิเศษในการผูกยึดพังผืดที่เป็นโครงที่ทำให้ใบหน้าที่ดึงที่ทางการแพทย์เรียกว่า Superficial Musculoaponeurotic System (SMAS) ที่ยืดหย่อนไปผูกไว้กับเนื้อเยื่อที่เป็นหลักยึด (Fixed Tissues) เช่น เอ็น(tendon) เยื่อบุกระดูก(Periosteum) เหมือนทอดสมอเรือไว้ ซึ่งเป็นหลักการของการผ่าตัดดึงหน้า เขาจึงเรียกการร้อยไหมแบบผูกยึดนี้ว่า เป็นการผ่าตัดที่ไม่มีแผลเป็น(Non-scar facelift surgery)
น.พ. สถาพร จินารัตน์ แห่ง เรโนเวียคลินิก ได้ประดิษฐ์และจดสิทธิบัตรกับรัฐบาลไทย เข็มที่ใช้ในการร้อยไหมแบบนี้เรียกว่า Suture Suspension Cannula (SSC) ใช้สำหรับคนที่ผิวหนังของใบหน้ายืด(skin laxity) ระดับแรก(mild laxity) และระดับกลางๆ(moderate laxity) ส่วนคนที่ผิวหนังยืดมากอาจต้องตัดหนังทิ้งบ้างด้วยการผ่าตัดร่วมด้วย ซึ่งเราได้พัฒนาการผ่าตัดดึงหน้าแบบ Combined Face Lift Surgery เพื่อให้มีการตัดหนังทิ้งน้อยที่สุด เพราะหนังของคนเราตัดทิ้งแล้ว เวลาเย็บ หนังจะยืดเรื่อยๆเพราะแรงดึง(Tension force)จะมาก คอลลาเจนจะยืด และเกิดการเสื่อมเร็วกว่าปกติ(dermal elastosis) นอกจากนี้ในการทำ Combined Faced Lift Surgery ด้วย SSC เรายังใชั SSC เย็บเหนียงใต้คางโดยไม่ต้องเปิดแผลใต้คางอีกด้วย มีคุณหมอจากประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์มาเรียนการร้อยไหมแบบผูกยึดที่เรโนเวียคลินิกหลายรุ่นแล้วก่อน Covid-19 จะระบาด
เรโนเวียคลินิกได้พัฒนาการร้อยไหมแบบองค์รวม คือใช้ไหมทั้งแบบไม่มีเงี่ยง (Plain Thread) ไหมมีเงี่ยง(Bared Thread) ไหมกรวย (Cone Thread , Silhouette thread) ไหม U-Thread และ SSC ร่วมกันแล้วแต่กรณีว่า ผิวหนังหย่อนยานเพียงใด ตำแหน่งใด ต้องใช้ไหมชนิดใด เช่น ตำแหน่งที่ยืดมากๆ อาจต้องใช้แรงในการดึงให้ตึงมาก ต้องใช้ไหมเส้นใหญ่ และแบบมีเงี่ยง ตำแหน่งใดผิวหนังบาง เนื้อเยื่อด้านล่างน้อย อาจต้องใช้ไหมเรียบ เส้นเล็ก เพราะเมื่อร้อยไหมแล้วจะได้ไม่เห็นรอยบนผิวหนัง ส่วนที่ยืดมากๆต้องใช้การร้อยแบบ SSC การร้อยแบบ SSC อาจทำให้ผิวหนังมีรอยบุ๋มได้ 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือน เหมือนการเย็บแผล แต่ไม่เห็นรอยเย็บบนผิวหนัง เห็นแต่ก้อนไขมันที่ถูกบีบรัดเป็นก้อนๆ เมื่อไขมันสลายไป ผิวก็จะเรียบเอง
ชนิดของไหม
ไหมที่ใช้มีหลายชนิด เหมือนไหมที่ใช้เย็บแผลผ่าตัด มีทั้งที่ละลายเอง (absorbable) และไหมไม่ละลาย (non-absorbable) หลายคนเข้าใจผิดว่า ไหมที่ไม่ละลายจะทำให้ผลของการร้อยไหมอยู่นาน อันนี้เป็นความเข้าใจผิด เพราะ ไหมทุกชนิดเมื่ออยู่ในร่างกาย ถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม เม็ดเลือดขาวจะมากำจัด เพราะฉะนั้น ไหมมักจะเริ่มแตกเมื่อเข้าอยู่ในร่างกายได้ 2 สัปดาห์ ถึงแม้บางอย่างจะอยู่ในร่างกายนาน แต่มันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีประโยชน์ในการยึดผิวให้ตึง เป้าหมายในการร้อยไหม เพียงแต่ทำหน้าที่เป็น”ไม้แบบ” เหมือนช่างก่อสร้าง ให้คอลลาเจน อีลาสตินถูกสร้างขึ้นใน”ช่องไม้แบบ” ในกระบวนการหายของแผล(Wound Healing Process) เมื่อไหมแตกสลายไปก็มีคอลลาเจนไฟเบอร์และพังผืดทำหน้าที่ยึดผิวหนังให้ตึง
ไหมที่ร้อยกันทั่วไป มีทั้งแบบไม่มีเงี่ยง(Plain Thread, Mon Thread) และมีเงี่ยง (Barbed Thread ) จะเป็น 2D, 3 D หรือกี่ D ก็ตาม ทำหน้าที่คล้ายๆกัน คือเป็นตัว “ไม้แบบ” หากใช้มากเส้นเกินไป ก็จะเกิดพังผืดมาก ต่อไปหน้าจะเป็นแผ่นแข็งได้
เทคนิคการร้อยไหมเป็นสิ่งสำคัญว่าจะทำให้หน้าวี หน้ายก
- เทคนิคเริ่มจากการตรวจสอบความต้องการของคนที่จะมารับบริการร้อยไหมว่าต้องการอะไร ปรับรูปหน้า ยกคิ้ว ยกมุมปาก ลดความลึกของร่องแก้ม ฯลฯ ความต้องการเหล่านี้ต้องเป็นจริง ทำได้จริง ด้วยการร้อยไหม
- ออกแบบใบหน้า แนวการดึง ตำแหน่งที่จะยก และ ตำแหน่งที่จะเอาไปผูกหรือเกาะไว้ เพื่อให้ได้รูป กำหนดไหมที่จะใช้ และวิธีร้อยไหม
- การทำให้ผิวหนังชา เพื่อไม่เจ็บเวลาร้อยไหม อาจทำได้ด้วยการทายาชาก่อน 1 ชั่วโมง หรือ การฉีดยาชาระหว่างทำ
- อย่าลืมว่า ต้องไม่แพ้ยาชา คือเคยทำฟันฉีดยาชามาแล้ว เกิดอุบัติเหตุ ไปร.พ. เคยได้ยาชามาแล้ว ถ้าไม่ทราบว่าแพ้ยาชามาก่อน ต้องไปทดสอบการแพ้ยาชามาก่อนที่ร.พ. อย่าเสี่ยงนะครับ
จำนวนเส้นที่ใช้ ไม่สำคัญ เท่ากับแนวของการวาง”ไม้แบบ” และขนาดของไหม ตำแหน่งที่ยืดมาก ต้องใส่ไหมเส้นใหญ่ ตำแหน่งที่ยืดน้อย ผิวหนังบาง ต้องใส่ไหมเส้นเล็ก
อย่าลืมว่า การร้อยไหมธรรมดา เป็นการเกิดพังผืดที่ชั้นผิวหนัง ไม่ได้มีการเกาะยึดของ SMAS
หมายเหตุ
การร้อยไหมธรรมดา ใช้กับผิวที่ยืดไม่มาก ที่เรียกว่า Mild Relaxation
หากผิวหนังยืดมากถึงขั้นปานกลาง อาจต้องใช้ Suture Suspension Thread Lift ด้วยเครื่องมือ SSC (Suture Suspension Cannula) กรณีที่มีหนังยืดมาก หรือกล้ามเนื้อยืดมาก อาจต้องทำการผ่าตัดดึงหน้า (Surgical Face Lift)
SSC Anatomy
Thread Types
Non SSC Thread Lift
SSC
Testimonials
SSC Breast Lift
SSC Abdomina Lift
SSC in Gynecologic Cosmetology
China Lecture & Hands-On
Tour
China Lecture & Hands-On
Tour
China Lecture & Hands-On
Tour